เทศน์เช้า วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ฟังธรรมะ เมื่อวานวันพระ เมื่อวานเป็นวันอาสาฬหบูชา วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา วันอาสาฬหบูชาคือวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ แสดงธัมมจักฯ มีพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม มีรัตนตรัย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเรา ถ้ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของเรา เราเป็นชาวพุทธ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาคืออะไร พระพุทธศาสนาสอนเรื่องอะไร
ถ้าเราชาวพุทธเราก็เป็นชาวพุทธตามประเพณีวัฒนธรรม พ่อแม่พาลูกมาเข้าวัด ปู่ย่าตายายเราเลือกนับถือพระพุทธศาสนา เราก็เห็นการกระทำอันนั้นว่าเป็นพระพุทธศาสนา มันเป็นเรื่องของทาน เรื่องของทานคือเรื่องวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมประเพณีมันก็หล่อหลอม หล่อหลอมหัวใจให้ชาวพุทธให้เป็นผู้ที่มีน้ำใจกว้างขวาง ให้มีน้ำใจต่อกัน มันเป็นประเพณีวัฒนธรรม
ฉะนั้น เวลาผู้เฒ่าผู้แก่เขาไปวัดไปวา เขาไปจำศีลของเขา ไปจำศีลๆ ผู้เฒ่าผู้แก่จะเข้าวัดเขาวานะ จำศีลเพื่ออะไร เพื่อฝึกหัดประพฤติปฏิบัติไง ให้หัวใจมันมีสมบัติของมัน ให้หัวใจนี้ เวลาหัวใจนี้มันออกจากร่างไป เพราะถ้าเราเชื่อกันว่าคนเรามันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันต้องมีสมบัติของมันไป คนเดินทางจะต้องมีเสบียงสำหรับตัวเองไป ถ้าคนเดินทางไม่มีเสบียงสำหรับตัวเองไป เราก็เป็นห่วงญาติผู้ใหญ่ที่ว่าล่วงลับไปแล้ว เรามาทำบุญกุศลกัน อุทิศส่วนกุศลๆ ไง อุทิศส่วนกุศลเพื่อให้เขาได้ปัจจัยเครื่องอาศัยที่อยู่ที่อาศัยที่ได้ใช้สอยของเขา คำว่า ได้ใช้สอย นะ แต่ของเรา เราทำของเราเองไง ถ้าเราทำของเราเอง หัวใจเราเพียบพร้อม
เวลาเราทำบุญกุศลกันมา สิ่งนี้เป็นวัตถุที่เราเสียสละออกไป เสียสละออกไปด้วยเจตนาของจิต ด้วยเจตนาของหัวใจเรา เจตนาอันนี้เวลามันรับรู้ของมัน มันเป็นผู้เสียสละเสียเอง เวลามันเป็นทิพย์ๆ เป็นทิพย์มันฝังใจดวงนั้นไปไง เราระลึกถึงสิ เราทำคุณงามความดีสิ่งใดมันจะฝังใจเราไหม เราทำสิ่งใดที่ขัดแย้งๆ มันฝังใจเราไปไหม เวลาไปแล้วๆ สิ่งนี้เวลามันไป มันไม่ได้ไปเป็นอาหารอย่างนี้ไง
หลวงปู่เจี๊ยะท่านพูดอยู่ บอกว่าในสวรรค์ไม่มีตลาดนะเว้ย! หลวงปู่เจี๊ยะท่านพูดบ่อย ในสวรรค์ไม่มีตลาดหรอก ใครทำสิ่งใดก็ได้อย่างนั้น ใครทำสิ่งใดไปก็ได้อย่างนั้น การกระทำอย่างนั้น การกระทำอย่างนั้นเพื่อประโยชน์ เพื่อประโยชน์กับเรา
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชา ทำลายความไม่รู้ในหัวใจอันนั้น อันนั้นแก่นของศาสนา สิ่งที่เป็นปรารถนาของเรา แต่สิ่งที่จะเข้าไปหาสิ่งนั้นได้มันก็ต้องมีเครื่องส่งเสริม เครื่องส่งเสริมเป็นแนวทางเข้าไปไง แล้วทำอย่างไร เราจะทำอย่างไร เราจะทำอะไรกัน เราทำอะไรกัน
ก็ให้เสียสละทานๆ เสียสละทานมันเป็นทางเบิกเข้าไปเฉยๆ ทางเบิกเข้าไปสู่หัวใจของเราไง สิ่งที่ทำ เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านเทศนาว่าการ ครูบาอาจารย์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำตัวเป็นตัวอย่างให้เรามีศรัทธามีความเชื่อของเรา เราก็มีกำลังใจของเราที่เราจะทำได้ เพราะเราทำได้ ทำได้มันก็เข้ามาหล่อเลี้ยงใจของเรานั่นแหละ มันเป็นอุบาย เป็นแนวทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้ นี่เป็นเรื่องของทาน เรื่องของทานเป็นเรื่องอำนาจวาสนาบารมี อำนาจวาสนาบารมีใครทำมาอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
เราจะเริ่มต้นธุดงค์ตั้งแต่วันนี้ไป ถ้าธุดงค์แล้ว พระธุดงค์ โยมไม่ต้องธุดงค์ด้วย เพราะเวลาภัตตาหารตามมา พระตักใส่บาตร ที่เหลือนั้นโยมก็ได้ทานด้วย เวลาพระธุดงค์ขึ้นมา เขาต้องใส่ถุงมา เขาต้องใส่ภาชนะมาเพื่อใส่บาตรพระ มันก็เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา เราก็ธุดงค์ด้วย โยมก็ธุดงค์ด้วยๆ เราจะเลือกทุกๆ อย่างไม่ได้ เราก็เอาแต่เรื่องของเรา
เวลาวันนี้วันจะเข้าพรรษา ถ้าเข้าพรรษาแล้ว พระเราจะอธิษฐานพรรษา ธรรมดาพระธุดงค์ก็ถือธุดงควัตรอยู่แล้ว ฉันมื้อเดียวก็เป็นธุดงควัตรข้อหนึ่ง ถือผ้า ๓ ผืนก็เป็นวัตรข้อหนึ่ง ถือผ้าบังสุกุลก็เป็นวัตรข้อหนึ่ง ถ้าพอเวลาจะเข้าพรรษา อธิษฐานพรรษาแล้วใครจะถือมากขึ้น ถือเนสัชชิกคือว่าไม่นอนตลอดวัน ไม่นอนตลอด ๑ สัปดาห์ ไม่นอน ๑ เดือน
ทำทำไม ทำเพื่ออะไร ทำไมต้องทำด้วย อยู่เฉยๆ ก็สบายดีแล้ว ทำไมต้องไปทำด้วย
อยู่เฉยๆ คนดีก็ดีอยู่อย่างนั้นน่ะ เวลาคนดี บอกเราก็เป็นคนดีแล้ว ทำไมต้องไปวัดไปวา
ไปวัดไปวาก็วัตรปฏิบัติ ไปวัดหัวใจของเรา อยู่บ้านอยู่เรือนเราก็บอกเราไม่มีเวลา เราเหนื่อยเรายากมาก เวลาไปวัด วัด ๒๔ ชั่วโมง เขาให้ประพฤติปฏิบัติก็เวลามากเกินไป เดินจงกรมก็ทำอะไรไม่ได้
สิ่งที่ทำๆ มันมีการเปลี่ยนแปลง มันมีหนักมีเบา เวลาเข้าพรรษา เวลาออกพรรษา พระก็ธุดงค์กันไปเพื่อแสวงหาวิเวก แสวงหาสัจธรรม แสวงหาความจริงในใจนั่นแหละ ที่ไปธุดงค์ๆ อาบเหงื่อต่างน้ำไปก็เพื่อหาใจของตนทั้งนั้นน่ะ เวลาถ้าปัญญามันเกิดขึ้น ปัญญามันเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น ภาวนามยปัญญาก็เข้าชำระล้างกิเลสในใจของตน แสวงหาๆ แสวงหาในใจของตน แต่มันต้องอาศัยสัปปายะ ๔ อาศัยความสงบสงัด อาศัยต่างๆ ไง
เขาบอกทำไมต้องอาศัยล่ะ ก็หาเอาเองในหัวใจก็ได้
เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วย เราอยู่กัน เวลาเราช่วยเหลือเจือจานกันก็ได้ปลอบใจกันเท่านั้นน่ะ เวลาถ้าสัจจะความจริงมันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นจากในใจอันนั้นนะ ถ้าเกิดขึ้นจากใจอันนั้น วันเข้าพรรษา เราจะประพฤติปฏิบัติให้เป็นพระที่ดีขึ้นมา
เราเป็นโยม เป็นฆราวาสญาติโยม เข้าพรรษาแล้วก็อดเหล้า เข้าพรรษาแล้วก็พยายามทำ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราก็รู้ว่ามันไม่ดี ถ้ามันไม่ดี มันทำลายสุขภาพของเรา มันทำลายทุกๆ อย่าง เราก็งดเว้นมันๆ เวลาเข้าพรรษาด้วยศรัทธาด้วยความเชื่อ เราก็งดเว้นมันได้ แล้วงดเว้นได้ ทำไมไม่งดเว้นตลอดไปล่ะ ก็มันไม่ดี นี่ไง มันไม่ดี มันไม่ดี แล้วมันไม่ดีมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ข้างนอกนะ แล้วใครไปเอามันมา ใครไปเอามันมา บุหรี่ เหล้า มันอยู่ที่ร้านขาย มันอยู่ที่ร้าน มันอยู่ในบ้านเรา เราไปซื้อมันมา เราไปขวนขวายมันมา เพราะเราอยากได้ เพราะหัวใจของเราไง
แต่ถ้าเรามีสติปัญญา เราเท่าทันที่นี่ เราตัดที่นี่ คนเรามันทุกข์เพราะความคิดของตน มันคิด มันอยากได้อยากดี อยากได้อยากดี อยากได้โดยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก อยากได้ทำลาย ถ้าอยากได้อยากดีของเรา อยากได้อยากดีแบบธรรม อยู่ในบ้าน อยู่ในบ้านนะ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่ของเรา ญาติพี่น้องของเรา นี่เป็นพระอรหันต์ของลูก เป็นผู้มีบุญมีคุณต่อกัน กตัญญูกตเวที เรามีน้ำใจต่อกัน ลิ้นกับฟันมันต้องขบกันแน่นอน คนอยู่ด้วยกันมันต้องมีผลกระทบแน่นอน ผลกระทบก็คือผลกระทบไง ถ้าเรามีสติปัญญา ไอ้นี่เราให้อภัยต่อกัน เรามองข้ามมันไป มองข้ามไปเพราะเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาคิดของเขาอย่างนั้นเพราะเขาแสวงหาสิ่งที่เขาจะทำอย่างนั้น เราจะทำแต่ความดีของเรา เราจะทำแต่คุณงามความดีของเรา เราทำเพื่อเราๆ ทำเพื่อหัวใจดวงนี้ไง ถ้าทำแล้วนะ เวลามันผ่านพ้นไปแล้วนะ มันนั่งที่ไหนมันก็อาจหาญนะ ยิ้มแย้มแจ่มใสได้
แต่ถ้ามีอะไรปกปิดในใจนะ นั่งที่ไหนไม่กล้าสู่หน้าเขานะ มันต้องคอยหลบคอยหลีก เราไม่กล้าสู้หน้าเขา แต่ถ้ามันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา ศีล แล้วถ้าเกิดสมาธิ เกิดปัญญาขึ้นมา เราจะบอกว่าวันเข้าพรรษา จะเข้าพรรษาแล้วพระอธิษฐานพรรษา โยมก็อธิษฐานข้อใดข้อหนึ่ง สิ่งที่ไม่ดีของเราสิ่งใด เอาชิ้นเดียว เอาเรื่องเดียวพอว่าเราจะไม่ทำ เราตั้งกติกากับเราไง
นี่ไง เราจะบอกว่าธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมโอสถ มันมีคุณค่าไง เรามีศรัทธาความเชื่อในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราก็ตั้งกติกากับเรา ตั้งกติกากับเราเพื่อพัฒนาตัวเราให้ดีขึ้น อะไรก็ได้ข้อหนึ่งที่เราจะไม่ทำใน ๓ เดือนนี้ แล้วพิจารณาว่ามันดีขึ้นหรือไม่ ดีขึ้นหรือไม่
พระเราเวลาอธิษฐานพรรษาแล้วเขาก็ต้องขวนขวายของเขาเพื่อปฏิบัติของเขา ไอ้เรานะ เราเป็นชาวพุทธไง พระเขาถือศีล ๒๒๗ เราเป็นชาวพุทธถือศีล ๒๒๗ ได้ไหม ได้ เราเป็นฆราวาส เราภาวนาได้ไหม ได้ เราเป็นฆราวาส เราเป็นพระอรหันต์ได้ไหม ได้ ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าผู้ที่เป็นพระๆ เขาเห็นโอกาสของเขาใช่ไหม ถ้าอยู่ทางโลกมันต้องมีความรับผิดชอบใช่ไหม ทางของฆราวาสเป็นทางที่คับแคบใช่ไหม ทางของนักบวชเป็นทางที่กว้างขวาง ๒๔ ชั่วโมงนะ
วัดเรา เว้นแต่พระที่มีหน้าที่ นอกนั้น ๒๔ ชั่วโมง ให้ปฏิบัติ ๒๔ ชั่วโมง เพราะอะไร เพราะในพระไตรปิฎกเขียนไว้อย่างนั้น ทางของนักบวชกว้างขวาง กว้างขวาง ๒๔ ชั่วโมง เต็มที่เลย แต่พอทำไปเริ่มต้นมันก็สดชื่น มันก็ทำของมันได้นะ เหมือนนักกีฬา ถึงเวลาแล้วมันก็ล้าของมัน ถ้าล้าของมัน ก็มีครูบาอาจารย์คอยกระตุ้นไง คอยกระตุ้น คอยบอกคอยกล่าว สังคมของเราๆ สังคมครูบาอาจารย์ท่านทำมาอย่างนี้ ถ้าทำมาอย่างนี้นะ ทำมาอย่างนี้ ทำมาอย่างนี้เพราะอะไร เพราะว่าเวลาหลวงตาท่านพูดถึงว่าสิ่งนี้ธุดงควัตรๆ มันก็มีมาในตำรับตำรา มีในบาลี พวกเราก็มองข้ามกันไปๆ บอกว่าสะดวกสบายอยู่แล้ว ทำดีอยู่แล้วทำไมต้องทำให้มากขึ้นไปกว่านั้น
การทำดี ทุกคนก็อยากจะมั่งอยากจะมี ทุกคนก็อยากจะมีคุณธรรม ทุกคนก็อยากเป็นคนดีให้มากๆ ขึ้นไปไง ความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่ ถ้าความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่ เราพยายามขวนขวายของเรา เพราะเรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีการกระทำนะ เวลาตายไป ไปเกิดภพชาติใดก็แล้วแต่ มันจะมีสติปัญญาอย่างนี้อีกไหม
ไอ้ว่าความดีๆ ความดีอะไร ถ้าในปัจจุบันนี้ เพราะอะไร เพราะเราเป็นมนุษย์ เราเห็นไง เราเห็นกรอบ กรอบของวัฒนธรรม กรอบของชาวพุทธ เราเห็นกรอบ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ถ้าเห็นกรอบอย่างนั้น ถ้าเราศึกษาของเรา ศึกษาในเชิงลึกเข้าไป ถ้าศึกษาในเชิงลึก ศึกษาแล้วเราจะเอาเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง ศึกษามาเป็นฉลากยา ขวดยา เราหยิบขึ้นมาสิ ยานี้มันมีคุณสมบัติอย่างไร ทำเพื่ออะไร แต่เราเปิดขวดยาไม่ได้ เราไม่ได้สัมผัสรสของยาอันนั้น เราก็แก้โรคของเราไม่ได้
ถ้าเราจะแก้โรคของเรา อ้าว! แก้แล้วมันเจ็บมันปวด ยามันเฝื่อน ยามันขม ยามันร้อน ก็มันเป็นยา ธรรมโอสถๆ มันก็เป็นยา ยาปราบกิเลส เราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาเราก็หายาเพื่อรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยเราใช่ไหม แล้วจิตใจเราป่วยไหม
บ้า ๕๐๐ จำพวก ป่วยทั้งนั้น มากหรือน้อย แล้วป่วยเรื่องอะไร บ้า ๕๐๐ จำพวก ชมรมสิ่งใดก็ชมรมบ้าทั้งนั้นน่ะ ชมรมของมัน มันก็พูดแต่เรื่องของมันนั่นแหละ
นี่ไง ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา เราจะเติมเต็มของเราไง เราจะเติมเต็มหัวใจของเรา หัวใจเราไม่พร่องไง โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ โลกคืออะไร โลกคือจิต โลกคือโลกทัศน์ วิสัยทัศน์ พร่องอยู่เป็นนิจไม่เคยเต็ม
พุทโธๆ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ มันจะเต็มของมันนะ น้ำเต็มแก้ว น้ำเต็มขวดเขย่าไม่มีเสียง น้ำที่มันพร่องอยู่เขย่าจะมีเสียงทั้งนั้น เราฝึกหัดของเรา เราฝึกหัดของเรานี่ไง เราทำของเราเพื่อประโยชน์กับเราไง
เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วพระพุทธศาสนา ในพระไตรปิฎกเขียน เวลาวิธีการชี้เข้ามาในใจของเราทั้งนั้นเลย เวลาเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ในใจของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น แต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นก็ศึกษามาจากตำรานั่นแหละ ศึกษามาแล้วประพฤติปฏิบัติขึ้นมาตามความเป็นจริง
ชื่อของมัน ศีล สมาธิ ปัญญาเรื่องของมรรคของผล ชื่อ มันบอกชื่อของมันเป็นทฤษฎี แต่เวลาปฏิบัติขึ้นมามันจะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา เป็นจริงขึ้นมาก็นี่ไง ธรรมวินัยไง ข้อวัตรปฏิบัติไง วัตรปฏิบัติของพวกเรานี่แหละ ถ้าวัตรปฏิบัติของพวกเรา เวลาปฏิบัติไปแล้วมันจะเห็นความดีของเราเป็นชั้นเป็นตอน มันจะยกให้สูงขึ้นนะ ยกให้ใจสูงขึ้น พอยกให้สูงขึ้นปั๊บ โยมมองกลับไปสิ่งที่เราเห็นสิ จิตใจของเขายังต่ำกว่า เขาคิดของเขาได้อย่างนั้น ทำไมเขาคิดของเขาอย่างนั้น ทำไมเขาทำของเขาอย่างนั้น ถ้าจิตใจเราสูงขึ้นมาแล้วนะ
ถ้าจิตใจของเราไม่สูงขึ้นมา เสมอเขานะ เขาทำอย่างนี้เขาหาเรื่องนะ นั่นล่ะมันจะไปล่อกับเขาแล้ว แต่ถ้าจิตใจเราพัฒนาขึ้นมาแล้วนะ ถ้าจิตใจคนพัฒนาขึ้นไป มันจะเห็นไง เห็นว่าพาลชนเป็นแบบนั้น ความทุกข์ของบัณฑิตคืออยู่ใกล้คนพาล คนพาลมันพาลไปทั้งหมด นี่เป็นความทุกข์ของเราไง ถ้าความทุกข์ของเรานะ แต่ใจเราไม่พาลไปกับเขา ใจของเรา เรารักษาของเรา เราดูแลของเรา ดูแลธรรมโอสถไง ดูแลด้วยรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
บอกว่าเป็นแก้วสารพัดนึกๆ นึกเรื่องอะไร อ้าว! นึกเป็นคนดีก็เป็นคนดีนะ ถ้าโยมถือศีลนะ ๓ เดือนนี้โยมไม่กินเหล้าเมายานะ เงินเหลือในออมสินเต็มเลย เห็นไหม สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา ศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์ เราประหยัดมัธยัสถ์ คนเรารู้จักประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักการใช้สอย สิ่งที่หามามันเป็นประโยชน์กับเราแล้ว เราสะสมของเราๆ นี่ไง มันจะให้ผลกับเรา นี่แก้วสารพัดนึก
เรานึก เราไม่ได้ทำ นึกแล้วมันไม่มีขึ้นมา มันนึกขึ้นมาไม่ได้ คนเราทำบุญกุศลขึ้นมา คนเราไม่ทำสิ่งใดเลย ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ไอ้เราซื้อเกือบตายไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้อะไรเลยก็อยากได้ มันก็ไม่ได้ เราทำมาหากินของเรา ประหยัดมัธยัสถ์ของเราขึ้นมา มันได้ของเรามาด้วยความภูมิอกภูมิใจนะ
สิ่งใดทำแล้วเสียใจภายหลัง สิ่งนั้นไม่ดีเลย เรามีสติปัญญาของเราตลอดเวลา เราทำเพื่อเรา เราจะบอกว่าวันเข้าพรรษาๆ มันเข้าพรรษาแล้วมันมีประโยชน์อะไรกับเรา วันเข้าพรรษาก็มาทำบุญเฉยๆ ทำบุญเสร็จแล้วก็กลับบ้าน ฉันได้ทำบุญวันเข้าพรรษาแล้ว
นี่ไง ถ้าทำบุญวันเข้าพรรษา มันก็เข้าพรรษาจริงๆ นั่นแหละ วันเข้าพรรษามันก็เป็นคุณงามความดีของเรา ดูสิ ปีใหม่ ปีใหม่ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ เราก็ทำตัวใหม่ นี่ก็เหมือนกัน เวลาเข้าพรรษามันเป็นโอกาสเลย มันเป็นโอกาสที่เขาขวนขวาย ที่เขาทำจริงทำจังขึ้นมา ถ้าทำเป็นจริงเป็นจังขึ้นมานะ เวลาออกพรรษาแล้ว ออกพรรษาแล้วนะ พระที่จำพรรษาแล้ว ๓ เดือนจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไป มันเปียกมันปอนไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงให้มีกฐินมีอะไร มีกรานกฐินไป ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามเลย เธออยู่ที่ไหน เธออยู่อย่างไร แล้วเธอปฏิบัติอย่างใด แล้วมีสิ่งใดตกค้างในใจบ้าง ปฏิบัติแล้วมีเหตุมีผลหรือไม่
เวลาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกพรรษาแล้วพระส่วนใหญ่แล้วจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนเทศนาว่าการ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนพิจารณาเองว่าปฏิบัติแล้วได้ผลมากน้อยแค่ไหน ปฏิบัติแล้วมีธรรมะในหัวใจหรือไม่ ถ้ามีธรรมะในหัวใจนะ เป็นศาสนทายาท ศาสนทายาทตรงไหน ศาสนทายาทตรงบอกกล่าวสั่งสอนเขาได้
มรรค ๘ มืด ๘ ด้าน มืด ๘ ทิศ ไม่รู้อะไรเลย แต่เวลาเป็นจริงขึ้นมานะ เป็นกับเรานะ โอ้โฮ! มันสว่างไสว แล้วเราพุทโธ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ สว่างไสว สัมมาสมาธิ ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ
งานของเรานะ งานอาบเหงื่อต่างน้ำหาอยู่หากินมา อู้ฮู! ทุกข์ยากมาขนาดไหน เวลามันเกิดงานชอบจากมรรค จากวิปัสสนาญาณ งานจากหัวใจ เห็นไหม เราเป็นผู้บริหารคิดงานๆ คิดงานมันคิดจากสมอง เวลาจิตมันเป็นขึ้นมา มันพิจารณาของมัน มันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา ปัญญาไม่ได้เกิดจากสถิติ ปัญญาไม่ได้เกิดจากที่ปรึกษา ปัญญาไม่ใช่เกิดจากการจ้างวานใคร ปัญญาเกิดจากผลงานของตน ดวงใจดวงใดไม่มีมรรค ดวงใจดวงนั้นไม่มีผล ดวงใจดวงใดมีมรรค มรรคมันเกิดขึ้นอย่างนี้ มรรคมันเกิดขึ้นจากการภาวนาอย่างนี้ แล้วมันเป็นจริงขึ้นมา
นี่ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้พยากรณ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แสดงธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้บอก แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะผู้บอกว่าถูกต้องหรือว่าต้องแก้ไขอย่างไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแก้ไขๆ ไป
นี่พูดถึงว่าถ้าในพรรษาเขาประพฤติปฏิบัติกันขวนขวายอย่างนี้ นี่เป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธเรา เราเป็นชาวพุทธนะ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติเป็นหน้าที่ของพระ ถ้าปฏิบัติเป็นหน้าที่ของพระ เดี๋ยวพระฉันข้าว โยมห้ามกินข้าว หน้าที่ของพระ พระกิน โยมไม่ต้องกิน
โยมก็กินข้าว มันหน้าที่ของเรา ถ้าหน้าที่ของเรา เราตักอาหารเข้าปาก เราก็ได้ของเรา เราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเป็นสมบัติของเราทั้งนั้นนะ เวลาเงินทองนับ ใครอยากได้เงินได้ทอง ให้เอาเงินมากองไว้ ใครนับเท่าไรเอากลับบ้านไปนะ โอ้โฮ! มันนับกันใหญ่เลย ให้มันพุทโธมันไม่ทำ
พุทโธมันสูงกว่าเงินทองนะ น้ำใจของคนมีค่ากว่าวัตถุธาตุ น้ำใจของพวกเรามีคุณค่ามากนะ แล้วเราฝึกหัดของเราๆ กลั่นกรองหัวใจของเราให้ใสให้สะอาด หนึ่ง เราได้ความร่มเย็น เราได้ความเป็นสุขก่อน เราได้ความร่มเย็น เราได้ความเป็นสุขก่อน พอร่มเย็นเป็นสุขแล้วเราก็มีจิตใจเจือจานกับคนอื่นได้ เราเห็นเขา เราก็อยากเจือจาน ทำไมไม่ทำแบบเราล่ะ ทำแบบเราแล้วจะมีความสุข
เขาบอกว่า เรื่องอะไรฉันหาเงินหาทอง ทำอย่างนั้นแล้วไม่ได้เงินได้ทอง
เขาไม่รู้ว่าความสุขเป็นอย่างไร เขาไม่รู้จัก แต่ถ้าเขาทุกข์เขายากขึ้นมานะ ใครถ้ามีความทุกข์ความยากขึ้นมา แล้วได้ธรรมโอสถเข้ามาชโลมในหัวใจนะ จะรู้จักบุญรู้จักคุณเลย มันจะรู้จักเลย ชีวิตเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งนั้นนะ ชีวิตของเราสำมะเลเทเมานะ ถ้าเราคิดได้ เรามีสติปัญญานะ เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่เลย พอเปลี่ยนคนใหม่ ในครอบครัวสาธุ ในครอบครัวมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขไปหมดเลย ธรรมะสมานให้ในครอบครัวเรามีความร่มเย็นเป็นสุข สมานให้สังคมนี้มีความร่มเย็นเป็นสุข
เวลาพระเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าจิตใจที่เป็นธรรมๆ มันเห็นคุณค่านะ สัปปายะ ๔ สถานที่เป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ ในบ้านเราเป็นสัปปายะไง ใครไปไหนมันก็อยากกลับบ้าน ใครไปไหนมาก็รีบกลับบ้าน เพราะบ้านเราอบอุ่นไง แล้วครูบาอาจารย์เป็นสัปปายะ ในบ้านก็ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นหลักเป็นชัย มันจะเป็นสัปปายะของเรา
วันเข้าพรรษา วันเข้าพรรษาแล้วอธิษฐานของเรา ใครจะรู้ไม่รู้ เรื่องของเขา ตั้งอธิษฐานในหัวใจก็ได้ แล้วถ้ามันล้ม ล้มก็ไม่เป็นไร ปีหน้าเอาใหม่ บอกตั้งไม่ได้ ตั้งแล้วมันล้ม ถ้าไม่ตั้งอยู่ สุขสบาย ชีวิตนี้ดี๊ดี พอตั้งกติกาแล้วขยับไม่ได้เลย เกร็งไปหมด ทำอะไรก็ไม่ได้ กลัวผิดๆ แล้วถ้าไม่ตั้ง ทำไมไม่ผิดล่ะ ถ้าตั้งแล้วทำไมผิดล่ะ
กิเลสมันร้ายนัก กิเลสมันไม่เปิดโอกาสให้เราทำความดีเลย แต่เราก็ฝึกหัดของเรา เพราะมันเป็นกิเลสของเราไง มันอยู่ในใจของเราไง เราก็ตั้งของเราขึ้นมา ทำของเราขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเรานะ
วันนี้วันเข้าพรรษา แล้วเดี๋ยวเย็นนี้พระจะอธิษฐานพรรษา มันเป็นโอกาสไง เราเห็นว่าพระมีโอกาสได้ทำ เราเห็นใจพวกโยมนะ ๓ เดือนนี้ พระของเราอยู่ในความดูแลของเรา ต้องประพฤติปฏิบัติ ต้องขวนขวาย ต้องความจริง แล้วโยมล่ะ โยมก็เป็นชาวพุทธเหมือนกัน โยมก็มีโอกาสเหมือนกัน แต่โยมมีสติปัญญา สติปัญญาคือความคิดของเราเองไง งานก็ทำของเราไป งานก็ทำ ชีวิตประจำวันก็ทำไปนี่แหละ แต่เรามีกติกาในใจเรา
เรือมีหางเสือ ทุกอย่างมีการควบคุม ชีวิตเราไม่ปล่อยให้มันเร่ร่อน ชีวิตไม่ปล่อยให้มารมันบังคับบัญชา ชีวิตไม่ปล่อยให้มารมันขับไสไปโดยที่ไม่มีใครดูแล เราต้องมีสติปัญญาดูแลชีวิตของเราเอง เอวัง